8 สิ่ง มหัศจรรย์ ของ โลก

หัวข้อ

8 สิ่ง มหัศจรรย์ ของ โลก

8 สิ่ง มหัศจรรย์ ของ โลก ถ้าพูดถึงลิสต์ปลายทางในฝันของใครหลายคนแล้ว 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่นั้นก็คงเป็นอีก 7 ปลายทางในฝันของนักเดินทางหลายๆ คนที่ต้องการจะไปเยี่ยมชม มองเห็น และสัมผัสสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่อลังการเหล่านี้ ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งนั้นต่างมีเรื่องราวความเป็นมาที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนานบนโลกใบนี้ของเรา โดย 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่นั้นได้มีการประกาศไว้ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ณ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส โดยองค์กร The New Open World Corporation (NOWC) ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งจะมีที่ไหนกันบ้างลองมาดูกันเลยดีกว่า

8 สิ่ง มหัศจรรย์ ของ โลก ชีเชนอิตซา (Chichen Itza) ประเทศเม็กซิโก

ชีเชนอิตซา (Chichen Itza) เมืองเก่าและแหล่งโบราณคดีขนาดใหญ่ในรัฐยูกาตัง ประเทศเม็กซิโก ที่มีชื่อเสียงที่สุดของชนเผ่ามายา ภายในชีเชนอิตซามีโบราณสถานสำคัญมากมาย เช่น วิหารนักรบ วิหารนักบวช หอคอยสังเกตการณ์เอลการากอล และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ “พีระมิดเอลกัสตีโย” วัดของชนเผ่ามายาที่มีลักษณะเป็นพีระมิดยอดตัด มีบันไดทั้งหมด 4 ด้าน ด้านละ 91 ขั้น เมื่อนับรวมกับฐานจะได้ 365 ขั้น หรือเท่ากับจำนวนวันใน 1 ปี ตามปฏิทินของชาวมายา โดยตรงกลางบนยอดพีระมิดจะใช้เป็นที่ประกอบพิธีสังเวยเทพเจ้า ซึ่งมีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยมทึบสูงขึ้นไป

ความน่าอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของพีระมิดนี้ก็คือตัวพีระมิดหันหน้าไปยังตำแหน่งที่เกิดปรากฎการณ์วิษุวัต หรือปรากฏการณ์ที่โลกมีเวลากลางวันยาวนานเท่ากับเวลากลางคืน ซึ่งจะเกิดในเดือนมีนาคมและกันยายน โดยแสงอาทิตย์จะส่องผ่านบันไดด้านทิศเหนือเป็นเงาพาดตัวพีระมิด ดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง เดือนมีนาคมและกันยายนจึงเป็นช่วงที่ Expedia ขอแนะนำให้ทุกคนไปเที่ยวชีเชนอิตชากัน

รูปสลักพระเยซูคริสต์ (Christ The Redeemer) ประเทศบราซิล

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ในลำดับถัดมาคือ กริชตูเรเดงโตร์ หรือ Christ The Redeemer รูปสลักพระเยซูคริสต์ความสูง 38 เมตร แขนยาว 28 เมตร สัญลักษณ์อันโด่งดังของประเทศบราซิล แกะสลักจากหินสบู่ขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านเป็นสง่าอยู่ที่ยอดเขากอร์โกวาดู ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาหลักของประเทศบราซิล และรูปสลักนี้ก็ถูกสร้างขึ้นบนยอดเขาโดยหันพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์เข้าหาเมือง ให้เสมือนว่าเมืองอยู่ใต้การคุ้มครองของพระองค์ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในประเทศ

รูปสลักพระเยซูคริสต์เปิดให้ชมทุกวัน และหากเป็นไปได้ควรเลือกเข้าชมวันธรรมดา เพราะวันเสาร์อาทิตย์คนจะพลุกพล่านกว่า การชมรูปสลักมีอยู่ 3 ช่องทางด้วยกันคือ

  1. นั่งรถรางจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินคอร์โควาโด (Corcovado) ราคา 46 BRL สำหรับผู้ใหญ่ และ 23 BRL สำหรับเด็ก ซึ่งจะรวมค่ารถไฟไปกลับและค่าเข้าชมรูปสลักพระเยซูคริสต์แล้ว โดยรถรางจะผ่านอุทยานแห่งชาติทีชูคา (Tijuca) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะชื่นชมบรรยากาศของอุทยานแห่งชาติ
  2. นั่งรถตู้ขึ้นไปบนยอดเขา โดยมีค่าบริการ 18 BRL
  3. นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมรูปสลักพระเยซูคริสต์และเมืองริโอเดอจาเนโรจากมุมสูงในราคา 600 BRL สำหรับเที่ยวบิน 30 นาที

กำแพงเมืองจีน (Great Wall Of China) ประเทศจีน

กำแพงเมืองจีน หรือ Great Wall Of China เป็นทั้ง 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง และสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ แถมยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย กำแพงเมืองจีนน่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และเชื่อได้เลยว่าหลายคนอาจเคยไปเยือนมาแล้ว

กำแพงเมืองจีนก่อสร้างขึ้นเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการเข้ามารุกรานดินแดนทางเหนือจากชาวมองโกเลียและชาวเติร์ก โดยกำแพงเมืองจีนมีความยาวกว่า 21,196 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 15 มณฑลทั่วประเทศจีน มีลักษณะเป็นกำแพงยาวแบบมีป้อมคั่น

มาชูปิกชู (Machu Picchu) ประเทศเปรู

เมืองที่สาบสูญแห่งอินคา หรือที่เรียกว่า มาชูปิกชู เป็นสถานที่ที่สำคัญของชาวอินคา เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ มันถูกเรียกว่าเมืองที่สาบสูญเพราะผู้คนทั้งหมดอพยพออกจากดินแดนนี้ มันยังคงอยู่ในความทรงจำเป็นเวลาหลายร้อยปีจนกระทั่งการรุกรานของสเปนค้นพบในปี 1911 โดยนักโบราณคดี Hiram Bingham

มาชูปิกชูอยู่ห่างจากกุสโกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กิโลเมตร ภายในมีซากวัด วัง น้ำพุ แท่นบูชา และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่ซับซ้อน นักสำรวจได้คิดค้นทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับการสร้างมาชูปิกชู เช่น เพื่อบูชาเทพเจ้า เป็นสถานีทดลองการเกษตร เป็นวังของจักรพรรดิอินคา เป็นสถานที่จัดพิธีเกี่ยวกับดาราศาสตร์ จุดเด่นของมาชูปิกชูคือป้อมยาม ซึ่งเพื่อนๆ สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของมาชูปิกชูได้แบบพาโนรามา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากมาชูปิกชู คุณต้องไปช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ซึ่งฝนไม่ตก ให้การเดินทางของคุณสะดวกสบาย

นครเปตรา (Petra) ประเทศจอร์แดน

เพตรา เมืองแห่งหินทรายสีชมพูหรือเมืองแห่งดอกกุหลาบ เป็นเมืองแห่งหินที่แกะสลักอย่างสวยงาม ตั้งอยู่ในเมืองอัมมาน ประเทศจอร์แดน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของตะวันออกกลาง เมืองหินแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาระหว่างทะเลเดดซีและอ่าวอควาบา

ผู้สร้าง Petra คือชาวนาบาเทียน ชนเผ่าที่แกะสลักหน้าผาหินทรายเพื่อสร้างบ้านเกิดของตน กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญสำหรับเรซินตะวันออก ไม้หอม และเครื่องหอม การล่มสลายของเปตราเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 649 โดยมีเมืองใหม่หลายแห่งที่สะดวกสบายและปลอดภัยกว่า ผลที่ตามมาคือ Petra ประสบปัญหาขาดดุลการค้า ถูกรุกราน และในที่สุดก็ถูกทิ้งร้าง

นอกจากจะเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่แล้ว เปตรายังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2528 และเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าที่สุดของมนุษยชาติ Petra มีขนาดใหญ่และกว้าง ถ้ามีคนจะไปเที่ยวคงต้องใช้เวลาหลายวัน ไฮไลท์ที่นี่คือวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่ง El Caznet วิหารแกะสลักที่ Pink Mountain สวยงามมาก จนเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียน่าโจนส์เรื่อง Treasures on the Horizon Petra ยังจัดงาน Petra Nights ในคืนวันจันทร์ วันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น. เทียนนับพันถูกจุดต่อหน้า El Qaznet และมีการแสดงแสงสีเสียงเกี่ยวกับประวัติของเพตรา ค่าเข้าชม Petra Nights คือ 17 JOD และสามารถซื้อตั๋วได้ที่สำนักงานขายตั๋วด้านหน้า Petra จนถึงเวลา 16:00 น.

โคลอสเซียม (Colosseum) ประเทศอิตาลี

โคลอสเซียม (Colosseum) เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ประเทศอิตาลี มีอายุกว่า 2,000 ปี ในอดีตโคลอสเซียมเป็นสนามกีฬาสำหรับชมการต่อสู้ของนักรบมากความสามารถและมีฝีมือเก่งฉกาจที่เรียกว่าเกลดิเอเตอร์ โดยการต่อสู้มีหลายรูปแบบทั้งการต่อสู้ระหว่างเกลดิเอเตอร์ด้วยกันเองและเกลดิเอเตอร์กับสัตว์ โคลอสเซียมถือเป็นความอัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมตัวจริงด้วยจุผู้ชมได้กว่า 50,000 คน มี 4 ชั้น ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 10 ปี ภายในประกอบด้วยอัฒจันทร์สำหรับผู้ชม ห้องนักสู้ กรงขังสัตว์ และห้องเก็บอุปกรณ์

ในปัจจุบันโคลอสเซียมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงโรม ที่ยังคงรูปแบบอันงดงามและแข็งแรงของโรมันไว้ได้เป็นอย่างดี และควรเข้าชมโคลอสเซียมในช่วงเช้าตั้งแต่เริ่มเปิดเวลา 08.30 น. หรือก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง ประมาณ 14.30 น. เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนจำนวนมากในระหว่างวัน

ทัชมาฮาล (Taj Mahal) ประเทศอินเดีย

ทัชมาฮาล (Taj Mahal) เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่เพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นจากอานุภาพแห่งความรัก เป็นทั้งอนุสรณ์สถานแห่งความรักและสถาปัตยกรรมที่อยู่เหนือกาลเวลา ตั้งอยู่ในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์และศิลาแลง ประดับเครื่องเพชรพลอยมากมาย เพื่อใช้เป็นอนุสาวรีย์ฝังศพของพระมเหสีในพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันที่ครองรักกันนานถึง 18 ปี

ทัชมาฮาลมีขนาดใหญ่ถึง 42 เอเคอร์หรือประมาณ 107 ไร่และใช้เวลาก่อสร้างกว่า 22 ปี ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเข้าชมคือช่วงพระอาทิตย์ขึ้น เพราะท้องฟ้าจะเป็นสีชมพูสวยงาม อากาศเย็นสบาย และผู้คนไม่พลุกพล่าน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง