ทํางานต่างประเทศ 2566 ปัจจุบันมีผู้สนใจไปทำงานต่างประเทศจำนวนมาก แต่หลายคนไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อีกทั้งยังกลัวถูกหลอกจากนายหน้าเถื่อน ซึ่งการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะจะได้รับความคุ้มครองหากประสบปัญหาในการทำงานขณะอยู่ต่างประเทศ “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมวิธีไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายดังนี้
ทํางานต่างประเทศ 2566 เป็นราชการของกรมการจัดหางาน นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายจำเป็นที่ผู้เดินทางต้องจ่ายเอง เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าภาษีสนามบิน ค่าสมาชิก เข้ากองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าบริการกระทรวงแรงงาน ที่พัก เตรียมตัวก่อนเดินทาง
กระทรวงการจ้างงานและแรงงานกำหนดเป้าหมายการส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศในปี 2566 ดังนี้
สาธารณรัฐเกาหลี 10,000 คน
อิสราเอล 6,500 คน
ฮ่องกง และมาเก๊า รวม 200 คน
สิงคโปร์ 200 คน
ญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan 400 คน
ทํางานต่างประเทศ 3 เดือน ทั้งนี้ บริษัทจัดหางานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน โดยมีประเทศในความร่วมมือ ดังนี้
สาธารณรัฐเกาหลี 5,000 คน
ไต้หวัน 13,000 คน
ซาอุดีอาระเบีย 2,000 คน
ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศอื่น ๆ 12,500 คน
ทั้งนี้บริษัทจัดหางานต้องผ่านการอนุญาตจากรมการจัดหางาน โดยมีข้อกำหนดดังนี้
ทำอย่างไรจึงไม่ถูกหลอก
การลงทะเบียนเพื่อไปทำงานต่างประเทศวิธีการลงทะเบียน
ไปพบเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ทะเบียนฯสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1-10 ที่ท่านมีภูมิลำเนาอยู่หรือฝ่ายทะเบียนคนหางานและสารสนเทศ สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน พร้อมหลักฐานดังนี้
ผู้หางานติดต่อโดยตรงกับนายจ้างหรือแรงงานต่างชาติที่ต่ออายุสัญญาจ้างงานเรียบร้อยแล้ว ฉันจะกลับไปทำงานที่ไทยเมื่อกลับไปพักผ่อน คุณต้องแจ้งกรมจัดหางานล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วันก่อนวันเดินทาง
ในกรณีนี้ ผู้ใช้อาจมีบริษัทแม่ในต่างประเทศหรือยื่นประมูล ดังนั้นการส่งแรงงานมายังประเทศไทยแรงงานดังกล่าวจึงยังคงถูกจ้างโดยนายจ้างในประเทศไทย และพวกเขาได้รับเงินเดือนและผลประโยชน์อย่างเต็มที่ การส่งลูกจ้างมายังประเทศไทยต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน
ลักษณะนี้นายจ้างต้องขออนุญาตพาลูกจ้างในโครงการส่งไปฝึกงานต่างประเทศหรือบริษัทแม่หรือเครือข่ายเป็นการเรียนรู้พัฒนา ฝีมือลูกจ้างให้ทันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
AUPAIR in USA คือ โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับครอบครัวอเมริกันผ่านการดูแลเด็กและทำงานบ้าน ภายใต้การควบคุมของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (T่he U.S. Department of State หรือ DOS) ทํางานต่างประเทศ ต้องเสียภาษีที่ไทยไหม
โดยผู้เดินทางจะพักอาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ์ชาวอเมริกันตลอดระยะเวลาของโครงการ ประมาณ 1-2 ปี ภายใต้วีซ่าประเภท J-1 (Cultural Exchange Visitor Visa) โดยจะได้รับทุนการศึกษา 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีเพื่อเรียนวิชาที่สนใจ และค่าตอบแทนรายสัปดาห์ระหว่างเข้าร่วมโครงการออแพร์ โดยจะมีวันหยุด 1.5-2 วันต่อสัปดาห์ และพักร้อน 10 วันต่อปี มีห้องพักส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในเรื่องที่พักและอาหาร
ทํางานต่างประเทศ 2566 ถูกกฎหมาย โครงการ Work and Travel เกิดขึ้นในประเทศไทยมากว่า 20 ปี โดยได้รับการสนับสนุนและควบคุมโดย United Department of State (DOS) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีหน้าที่ดูแลด้านโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม โดยทุก ๆ ปี โครงการนี้จะดึงดูดนักเรียนหลายพันคนจากทั่วโลก และประเทศไทยก็เช่นกัน
เพราะเป็นที่อนุญาตให้นิสิต/นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1, 2, 3 และ 4 และนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มีอายุไม่เกิน 28 ปี มีสถานภาพโสด มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในระดับดีพอใช้ และมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 ได้เข้าร่วมโครงการเพื่อเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมชาวอเมริกันผ่านการทำงาน และการท่องเที่ยวได้ทั่วสหรัฐอเมริกา ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน
งานที่อนุญาตให้ทำมีตั้งแต่งานในโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร อุทยานแห่งชาติ และสวนสนุก โดยนิสิต/นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการสามารถทำงานและได้ค่าตอบแทนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย อัตราเฉลี่ย 8.00-16.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2-3 เดือน และยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาภายหลังจบโครงการได้อีกประมาณ 30 วัน
ทํางานต่างประเทศ 2566 Work and Holiday ของประเทศออสเตรเลีย (WAH) เป็นความร่วมมือของรัฐบาลไทย และรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ทั้งเรียน เที่ยว และทำงาน ได้อย่างถูกต้องในออสเตรเลียภายในระยะเวลา 1 ปี
โดยแต่ละปีรัฐบาลออสเตรเลียจะให้โควตา 500 คนต่อปี แต่มีการเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษ โดยในปี 2563 เป็น 2,000 คน ปี 2565 เป็น 1,000 คน และปี 2566 เป็น 2,000 คน โดยผู้เดินทางด้วยวีซ่าประเภทนี้สามารถทำงานได้นานสุดไม่เกิน 6 เดือนต่อนายจ้างแต่ละแห่ง (สามารถเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ได้) และสามารถลงเรียนในออสเตรเลียได้ไม่เกิน 17 สัปดาห์ และท่องเที่ยวในออสเตรเลียได้ตลอดเวลา 1 ปี โดยไม่ต้องทำงานถ้ามีเงินเพียงพอ
ต้องยื่นสมัครโดยตรงกับกรมกิจการเด็กและเยาวชนที่ลิงก์นี้ Department of Children and Youth โดยคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการมีดังนี้
รัฐบาลไทยได้จัดทำข้อตกลงโครงการตรวจลงตราทำงานและท่องเที่ยว Working Holiday Scheme (WHS) กับรัฐบาลนิวซีแลนด์ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยอายุระหว่าง 18-30 ปี จำนวน 100 คน ต่อปี สามารถที่จะเดินทางไปศึกษา ท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 12 เดือน โดยสามารถทำงานชั่วคราว ในขณะพำนักอยู่ในนิวซีแลนด์ได้ด้วย ได้ลองทำงานในต่างประเทศ
สมัครด้วยตนเองไม่ต้องผ่านเอเจนท์ โดยลงทะเบียนเพื่อขอรับใบรับรองจากกรมกิจการเด็กและเยาวชนที่ลิงค์นี้ Department of Children and Youth โควต้าแต่ละปีอยู่ที่ 100 คน มีค่าธรรมเนียมวีซ่าประมาณ 6,400 บาท
อายุระหว่าง 18-30 ปี (อายุยังไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ยื่นขอวีซ่ากับสถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย) สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ มีหลักฐานการเงินบัญชีออมทรัพย์ของผู้สมัครเอง 7,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
Worldwide Opportunities on Organic Farms หรือ WWOOF (วูฟ) เป็นองค์กรที่จับคู่อาสาสมัครกับโฮสต์ฟาร์มในประเทศต่าง ๆ มาตั้งแต่ปี 1971 เช่น เบลเยี่ยม บราซิล เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร เป็นต้น แต่โครงการนี้จะแตกต่างจากโครงการอื่น ๆ ข้างต้น เพราะไม่มีค่าตอบแทนเป็นตัวเงิน แต่จะได้ทำงานเพื่อแลกกับที่อยู่อาศัยและค่าอาหาร โดยมีเป้าหมายคือการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเชิงนิเวศ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิก และค่าตั๋วเครื่องบิน ทํางานต่างประเทศ ซื้อบ้านที่ไทย
สำหรับ 8 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคกลาง ที่ทุกแห่งถูกยกมานั้นนับว่าเป็นสถานที่ที่ล้ำค่ามากทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และอารยธรรม สถานที่เหล่านี้ผ่านกาลเวลามานานแสนนาน บางสิ่งก็ดูน่าสนใจพิศวงทั้งเรื่องราวและการสร้าง บางสิ่งก็เริ่มทรุดโทรมถูกกาลเวลากัดกินไปตามสภาพ หากใครได้อ่านแล้วสนใจอยากไปก็ขอให้รีบไปสัมผัสด้วยตัวเองก่อนที่ 7 สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้จะกลายเป็นแค่เศษซากของวัฒนธรรมและความทรงจำไปในอนาคต